Description
อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยในผู้หญิง
อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อโรคและความรุนแรงของโรค อาการที่พบบ่อยในผู้หญิง ได้แก่
-
ตกขาวผิดปกติ
-
คันหรือแสบในอวัยวะเพศ
-
มีผื่นหรือแผลในอวัยวะเพศ
-
ปัสสาวะแสบขัด มีหนองหรือเลือดปนออกมา
-
ปวดท้องน้อย
-
มีไข้ ปวดเมื่อยตามร่างกาย
-
มีประวัติเปลี่ยนคู่นอน และ/หรือ มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน
อย่างไรก็ตาม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อันตรายบางชนิดไม่ได้มีอาการแสดงที่ชัดเจน ดังนั้นหากประเมินแล้วว่าตนเองว่ามีความเสี่ยงในการเกิดโรค ควรพิจารณาเข้ารับการตรวจหาเชื้อจากสารคัดหลั่ง หรือการเจาะเลือดอย่างเหมาะสม เพื่อให้ตรวจจับเชื้อได้ตั้งแต่ก่อนมีอาการรุนแรง
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตรวจด้วยวิธีใดบ้าง?
การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นกับอาการและสิ่งที่ต้องการจะตรวจ โดยอาจแบ่งตามวิธีการได้ดังนี้ค่ะ
● การตรวจร่างกายและตรวจภายใน จะเหมาะสมในผู้ป่วยที่มีอาการแสดงชัดเจนค่ะ เช่น แผล/ผื่น, มีตกขาว หรือหนองจากอวัยวะเพศ ปวดท้องน้อย หรือมีไข้ กรณีนี้แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยจากรอยโรคที่ตรวจพบ และอาจพิจารณาให้การรักษาได้เลย
● การเจาะเลือดตรวจวิเคราะห์ จะใช้ในการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มักไม่มีอาการแสดงในระยะต้นค่ะ ได้แก่ เชื้อ HIV (Human immunodeficiency virus), ไวรัสตับอักเสบบี และซี และเชื้อซิฟิลิส (Syphilis)
● การเก็บสารคัดหลั่งไปตรวจวิเคราะห์ วิธีนี้จะอาศัยการเก็บสารคัดหลั่งในช่องคลอด หรือปัสสาวะจากผู้ป่วย นำมาวิเคราะห์หาสารพันธุกรรม และบ่งชนิดของเชื้อ หลังจากนั้นจึงพิจารณาให้การรักษาตามเชื้อที่ตรวจพบ เหมาะสมในผู้ป่วยที่ต้องการทราบชนิดของเชื้อโรคที่ชัดเจน หรือมีปัญหารักษาแล้วไม่หายขาด ซึ่งในปัจจุบันนับว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากมีความแม่นยำในการตรวจพบเชื้อสูง แม้ไม่มีอาการก็ตรวจพบเชื้อแฝงได้ นำไปสู่การรักษาตั้งแต่ก่อนเกิดอาการ
ดังนั้นหากจะมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น การป้องกันตนเองโดยการ “สวมถุงยางอนามัย” (จะเป็นถุงยางอนามัยสำหรับเพศชาย หรือหญิงก็ได้) อย่างถูกต้องและถูกวิธี ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เหล่านี้ได้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มักเจอในผู้หญิง มีดังนี้
-
โรคติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) : เป็นโรคที่พบได้มากในผู้หญิง และเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับต้น ๆ ของผู้หญิงไทย รวมถึงทำให้เกิดโรคมะเร็งทวารหนัก มะเร็งในช่องปากและคอ และหูดหงอนไก่ได้ด้วย
-
โรคติดเชื้อเอชไอวี (HIV) : เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่หลายคนรู้จักกันดี ในระยะแรก ๆ จะไม่แสดงอาการ แต่เมื่อภูมิคุ้มกันต่ำลง ร่างกายอ่อนแอ ก็จะมีโอกาสติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งผู้ที่ติดเชื้อ HIV แล้วไม่ได้รักษาอย่างเหมาะสมจนภูมิคุ้มกันบกพร่อง เราจะเรียกผู้ป่วยลักษณะนี้ว่า “ผู้ป่วยเอดส์”
-
เริม : เกิดจากเชื้อไวรัส HSV (Herpes Simplex Virus) จะแสดงอาการโดยเริ่มจากแผลบวมแดง มีตุ่มพองใส ๆ ขึ้นบริเวณได้รับเชื้อ เช่น การเป็นเริมที่อวัยวะเพศหญิง ง่ามขา หรือปาก
-
ซิฟิลิส : เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum เป็นอีกหนึ่งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้เสียชีวิตได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง โดยอาการแสดงในระยะแรก ๆ จะเป็นตุ่มเล็ก ๆ ขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ ริมฝีปาก ลิ้น และหัวนม หลังจากนั้นจะแตกเป็นแผลมีน้ำเหลืองไหลออกมา ถ้าหากมีอาการนี้ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันที
-
หนองในแท้และหนองในเทียม : เป็นอีกหนึ่งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยเช่นกัน เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยในผู้หญิงจะมีอาการแสดง ได้แก่ ตกขาวผิดปกติ ตกขาวเป็นสีเหลือง ประจำเดือนมาผิดปกติ ท่อปัสสาวะและปากมดลูกอักเสบ และมีหนองไหลออกมาจากปากมดลูกด้วย