Description
โรคมะเร็งปากมดลูก คืออะไร?
โรคมะเร็งปากมดลูก คือ โรคมะเร็งที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสฮิวแมนแปปิโลมาไวรัส (Human papillomavirus) สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง 14 สายพันธ์ุ ได้แก่ 16, 18, 31, 33, 35, 39, 45, 51, 52, 56, 58, 59, 66 และ 68 ซึ่งจะได้รับจากการมีเพศสัมพันธ์
แล้วทำให้บริเวณนั้น ๆ เกิดรอยถลอก หรือบาดแผลเล็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็น เยื่อบุผิวปากมดลูก เยื่อบุผิวช่องคลอด หรือปากช่องคลอด ทำให้ติดเชื้อ และส่งผลให้เซลล์บริเวณปากมดลูกเกิดความผิดปกติ และกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด
การตรวจมะเร็งปากมดลูกมีกี่วิธี?
วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูกที่นิยม จะมีอยู่ 4 วิธีหลักๆ ดังนี้
-
ตรวจแปบเสมียร์ (Pep Smear) การตรวจแปบเสมียร์* เป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบดั้งเดิม โดยคุณหมอจะใช้เครื่องสอดและถ่างบริเวณปากช่องคลอดแล้วใช้แปรงเล็กๆ ป้ายเซลล์จากบริเวณมดลูกส่งตรวจทางห้องการปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติ หรือเซลล์ที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจนำไปสู่การเป็นโรคมะเร็งได้
-
ตรวจลิควิดเบส (Liquid based) หรือ ตินแพร็พ แป๊บ เทสต์ (ThinPrep Pap Test) การตรวจลิควิดเบสเป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกรูปแบบใหม่ โดยจะใช้แปรงเก็บตัวอย่างเซลล์ไว้ในน้ำยาเพื่อรักษาเซลล์
มีข้อดีกว่าการตรวจแปบเสมียร์ ดังนี้
-
เก็บตัวอย่างเซลล์ได้มากกว่า ช่วยลดปัญหาเก็บตัวอย่างไม่พอ
-
สามารถนำตัวอย่างเซลล์ไปตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ได้โดยที่ไม่ต้องเก็บตัวอย่างซ้ำ
-
สามารถกำจัดสิ่งปนเปื้อนในตัวอย่างเซลล์ เช่น มูก หรือเลือด ช่วยลดสิ่งบดบัง และทำให้ตรวจได้แม่นยำมากขึ้น โดยจะให้ผลที่แม่นยำสูงถึง 70-85%
การตรวจลิควิดเบสนั้น จะแนะนำให้ตรวจทุก ๆ 1-2ปี โดยปกติแล้ว จะสามารถตรวจได้ตั้งแต่ตอนอายุ 30ปีขึ้นไป แต่ในบางรายอาจเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 25ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับการประเมินของคุณหมอ
3. ตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวีจากดีเอ็นเอ (HPV DNA Test) เป็นการตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวีโดยตรงด้วยเทคนิคด้านชีวโมเลกุล จะมีวิธีการเหมือนกับตรวจลิควิดเบส แต่จะเก็บตัวอย่างเซลล์ในน้ำยาสำหรับ HPV DNA Test โดยเฉพาะ แล้วทำการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ข้อดีของการตรวจ HPV DNA Test จะสามารถตรวจหาเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ 16, 18, 31, 33, 35, 39, 45, 51, 52, 56, 58, 59, 66 และ 68 ซึ่งจะมีความไวในการตรวจหารอยโรคก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูกได้เร็วกว่าวิธีอื่น ๆ
การตรวจ HPV DNA Test นั้น แนะนำให้ตรวจทุก 3-5 ปี โดยปกติแล้ว จะสามารถตรวจได้ตั้งแต่ตอนอายุ 30ปีขึ้นไป แต่ในบางรายอาจเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับการประเมินของคุณหมอ
4. ตรวจแบบคู่ (Co-Testing) เป็นการนำวิธีตรวจลิควิดเบส และ HPV DNA Test มาร่วมกัน ทำให้มีความแม่นยำสูงสุด มีความไวในการตรวจเจอรอยโรคก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูกได้สูงถึง 99% และดูได้ลึกถึงเชื้อก่อโรคว่า เป็นเชื้อไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์อะไร
โดยการตรวจแบบคู่จะแนะนำให้ตรวจทุก 3-5 ปี และสามารถตรวจได้ตั้งแต่ตอนอายุ 30 ปีขึ้นไปเช่นกันค่ะ
สำหรับสาวๆ ท่านไหน ที่ต้องการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ติดต่อนัดหมายทางโทรศัพท์ 092-969 5987 (ตามเวลาทำการคลินิก) หรือทางเพจเฟสบุ๊ค ฝากครรภ์รังสิต “ฤดีวัลย์คลินิกเฉพาะทางสูตินรีเวช”